วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) จากเมืองโมเดน่า (Modena) ไวน์สำหรับคุณผู้หญิงมือใหม่


              วันนี้ขอเอาใจท่านสุภาพสตรีที่เพิ่งเริ่มดื่มไวน์ ด้วยการแนะนำไวน์แดงที่ดื่มง่ายและมีระดับแอลกอฮอล์ต่ำ ซึ่งไวน์ตัวนี้เข้ามาขายในบ้านเรามานานแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นที่กล่าวขานกันเท่าใดนัก  ไวน์ที่ว่านี้คือไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco)  จากแคว้นเอมิเลีย-โรมานญ่า (Emilia-Romagna)
              แคว้นเอมิเลีย-โรมานญ่า (Emilia-Romagna) เป็นแคว้นภาคเหนือตอนล่างของประเทศอิตาลี ซึ่งเปรียบเทียบได้กับจังหวัดพิษณุโลก  มีพื้นที่ประมาณ 22,446 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 4,429,766 คน (2010)  เป็นแคว้นที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมและมีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมมาช้านาน  เมืองโบโลนญ่า (Bologna) เป็นเมืองหลวงของแคว้น และมีเมืองบริวาร 8 เมือง คือ เมืองแฟร์ราร่า (Ferrara) เมืองฟอร์ลิ-เชเซน่า (Forli-Cesena) เมืองโมเดน่า (Modena) เมืองปาร์ม่า (Parma) เมืองปิอาเชนซ่า (Piacenza) เมืองราเวนน่า (Ravenna) เมืองเรจโจ้ เนลเลมิเรีย (Reggio nell’Emilia) และเมืองริมินิ (Rimini)
              ในสมัยโรมันโบราณ แคว้นเอมิเลีย-โรมานญ่า (Emilia-Romagna) แยกจากกันเป็น 2 ส่วน โดยตั้งต้นจากเมืองโบโลนญ่า (Bologna) ไปทางทิศตะวันตกเรียกว่า เอมิเลีย (Emilia)  อีกส่วนหนึ่งเริ่มจากทิศตะวันออกของเมืองโบโลนญ่า (Bologna) ไปจรดทะเลอาเดรียติค (Adriatic sea) เรียกว่า โรมานญ่า (Romagna)                      
              ทั้งเอมิเลีย (Emilia) และโรมานญ่า (Romagna) มารวมกันเป็นแคว้นเอมิเลีย-โรมานญ่า (Emilia-Romagna) ในยุครวมชาติระหว่างปีค.ศ.1859-1861
              ในแคว้นเอมิเลีย-โรมานญ่า (Emilia-Romagna) มีการทำไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) จากหลายพื้นที่ เมืองโมเดน่า (Modena) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโบโลนญ่า (Bologna) เป็นเมืองที่มีการผลิตไวน์ชนิดนี้เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่  หากเราจะบอกว่าเมืองเวโรน่า (Verona) เป็นถิ่นของไวน์อมาโรเน่ เดลล่า วัลโปลิเชลล่า (Amarone della Valpolicella) หรือเราจะบอกว่าเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) และเมืองซิเอน่า (Siena) เป็นถิ่นไวน์เคียนติ (Chianti)  เราก็ต้องบอกว่าเมืองโมเดน่า (Modena) คือถิ่นไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) ด้วยเช่นกัน
              ไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) เป็นไวน์แดงกึ่งหวาน (semi-sweet) ชนิดมีฟองเล็กน้อย (semi-sparkling) ที่เรียกกันว่า ฟริซซานเต้ (frizzante) จะใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco grape) เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งองุ่นพันธุ์นี้เป็นองุ่นในสายพันธุ์วิติส ลาบรุสก้า (Vitis labrusca) ที่เชื่อกันว่าเป็นองุ่นป่าที่ปลูกบนคาบสมุทรอิตาลีมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิ์โรมันเรืองอำนาจ  
              ไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) จากเมืองโมเดน่า (Modena) เป็นไวน์เกรดดีโอซี. (DOC) ที่กำหนดขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ.1970  จะมีการผลิต 3 ฉลาก คือ ไวน์ลัมบรุสโก้ ดิ ซอร์บาร่า (Lambrusco di Sorbara) ไวน์ลัมบรุสโก้ ซาลามิโน่ ดิ ซานต้า โครเช่ (Lambrusco Salamino di Santa Croce) และไวน์ลัมบรุสโก้ กราสปารอซซ่า ดิ คาสเตลเวโตร (Lambrusco Grasparossa di Castelvetro) โดยอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การผลิตของคอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า เดล ลัมบรุสโก้ ดิ โมเดน่า (Consorzio Tutela del Lambrusco di Modena)  ซึ่งได้รับมอบหมายจากกระทรวงนโยบายการเกษตรและการป่าไม้  (The Ministry of Agricultural and Forestry Policies) ให้เข้ามาควบคุมตั้งแต่การจัดการในไร่ปลูก การผลิตไวน์ และการบรรจุขวด  ไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) 2 ชนิด ซึ่งมี ชนิดกึ่งหวาน ที่เรียกกันว่า อมาบิเล่ (amabile) มีระดับแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 8.5 เปอร์เซ็นต์ และชนิดไม่หวาน ที่เรียกกันว่า เซคโค่ (secco) มีระดับแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 10.5 เปอร์เซ็นต์ 
              เขตการผลิตไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) ของเมืองโมเดน่า (Modena) จะแบ่งแยกพื้นที่กันค่อนข้างชัดเจน 
              ไวน์ลัมบรุสโก้ ดิ ซอร์บาร่า (Lambrusco di Sorbara) จะผลิตอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดของตำบลบาสติเลีย (Comune di Bastiglia) ตำบลบอมปอร์โต้ (Comune di Bomporto) ตำบลโนนันโตล่า (Comune di Nonantola) ตำบลราวาริโน่ (Comune di Ravarino) ตำบลซานปรอสเปโร่ (Comune di San Prospero)  และบางส่วนของตำบลคัมโปกัลเลียโน่ (Comune di Campogalliano) ตำบลคัมโปซานโต้ (Comune di Camposanto) ตำบลคาร์ปิ (Comune di Carpi) ตำบลคาสเตลฟรังโก้ เอมิเลีย (Comune di Castelfranco Emilia) ตำบลโซลิเอร่า (Comune di Soliera) ตำบลซาน เชซาริโอ ซุล ปานาโร่ (Comune di San Cesario sul Panaro)  ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณทิศเหนือของเมืองโมเดน่า (Modena)  ใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ ดิ ซอร์บาร่า (Lambrusco di Sorbara) ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ ซาลามิโน่ (Lambrusco Salamino)
              ไวน์ลัมบรุสโก้ ซาลามิโน่ ดิ ซานต้า โครเช่ (Lambrusco Salamino di Santa Croce) จะอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดของตำบลคาเวซโซ่ (Comune di Cavezzo) ตำบลคอนคอร์เดีย ซุล เซคเคีย (Comune di Concordia sul Secchia) ตำบลเมโดลล่า (Comune di Medolla) ตำบลมิรันโดล่า (Comune di Mirandola) ตำบลโนวิ (Comune di Novi) ตำบลซาน เฟลิเช่ ซุล ปานาโร่ (Comune di San Felice sul Panaro) ตำบลซาน ปอซซิโดนิโอ  (Comune di San Possidonio) และพื้นที่บางส่วนของตำบลคัมโปกัลเลียโน่ (Comune di Campogalliano) ตำบลคาร์ปิ (Comune di Carpi) ตำบลฟินาเล่ เอมิลาอิ (Comune di Finale Emilai) ตำบลโซลิเอร่า (Comune di Soliera) ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณที่ราบต่ำทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศเหนือของเมืองโมเดน่า (Modena) หรือที่เรียกกันว่า บาซซ่า โมเดเนเซ่ (bassa modenese)  ใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ ซาลามิโน่ (Lambrusco Salamino) ไม่น้อยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นพันธุ์อันเชลล๊อตต้า (Ancellotta) และพันธุ์ฟอร์ตาน่า (Fortana)
              ส่วนไวน์ลัมบรุสโก้ กราสปารอซซ่า ดิ คาสเตลเวโตร (Lambrusco Grasparossa di Castelvetro) จะอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดของตำบลคาสเตลฟรังโก้ เอมิเลีย (Comune di Castelfranco Emilia) ตำบลคาสเตลนูโอโว รันโกเน่ (Comune di Castelnuovo Rangone) ตำบลฟิออราโน่ (Comune di Fiorano) ตำบลฟอร์มิจิเน่ (Comune di Formigine) ตำบลมาราเนลโล่ (Comune di Maranello) ตำบลมาราโน่ ซุล ปานาโร่ (Comune di Marano sul Panaro) ตำบลปริยาโน่ ซุล เซคเคีย (Comune di Prignano sul Secchia) ตำบลซาวินยาโน่ ซุล ปานาโร่ (Comune di Savignano sul Panaro) ตำบลสปิลัมแบร์โต้ (Comune di Spilamberto) ตำบลซาซซูโอโล่ (Comune di Sassuolo) ตำบลวินโยล่า (Comune di Vignola) ตำบลซาน เชซาริโอ ซุล ปานาโร่ (Comune di San Cesario sul Panaro) และพื้นที่บางส่วนของเมืองโมเดน่า (Modena)  ใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ กราสปารอซซ่า (Lambrusco Grasparossa) ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นพันธุ์ฟอร์ตาน่า (Fortana) หรือพันธุ์มัลโบ เจนติเล่ (Malbo Gentile)
              กลุ่มผู้ผลิตไวน์และผู้ทำการบรรจุขวดไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco wine’s Producers and Bottlers) ในเมืองโมเดน่า (Modena) ได้รวมตัวกันก่อตั้งคอนซอร์ซิโอ มาร์คิโอ สโตริโค่ เดอิ ลัมบรุสกิ โมเดเนสิ (Consorzio Marchio Storico dei Lambruschi Modenesi) ขึ้นมา ซึ่งสมาคมนี้จะทำหน้าที่ประสานงานและดำเนินการในส่วนที่คอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า เดล ลัมบรุสโก้ ดิ โมเดน่า (Consorzio Tutela del Lambrusco di Modena) มิได้ทำ และมีการให้ตราสัญลักษณ์แห่งคุณภาพที่เป็นฉลากสีแดงสำหรับไวน์ที่ผ่านการตรวจและรับรองจากสมาคมแห่งนี้  จึงทำให้มั่นใจได้ว่าไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) จากเมืองโมเดน่า (Modena) เป็นไวน์ที่มีคุณภาพสูง 
              ผู้ผลิตไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองโมเดน่า (Modena) คือ บริษัท คิอาร์ลิ 1860 (Chiarli 1860)  ซึ่งก่อตั้งในปีค.ศ.1860 โดยนายเคลโต้ คิอาร์ลิ  (Cleto Chiarli) เป็นผู้ผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในแคว้นเอมิเลีย โรมานญ่า (Emilia-Romagna) เลยทีเดียว
              บริษัท คิอาร์ลิ 1860 (Chiarli 1860) มีไร่ปลูกองุ่น 6 แห่ง ในเมืองโมเดน่า (Modena) และอีก 1 แห่ง ในเมืองโบโลนญ่า (Bolognaมีพื้นที่รวม 414 เฮ็คต้าร์  ใช้ปลูกองุ่น 131 เฮ็คต้าร์ ส่วนที่เหลือใช้เลี้ยงวัวควายเพื่อเอานมมาทำชีสปาร์มิจาโน่ เรจจาโน่ (Parmigiano Reggiano Cheese)  ไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco)
              ในปีค.ศ.2004  ผู้ผลิตรายนี้มีไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) ออกมาสู่ตลาดมากกว่า 25 ล้านขวด ซึ่งส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์  ไวน์ที่ดีที่สุดคือ ไวน์ลัมบรุสโก้ สคูโร่ นิโวล่า (Lambrusco Scuro Nivola) ในขวดทรงเบอร์กันดี (Burgundy-styled) ไวน์เกรดเอมิเลีย ไอจีที.(Emilia IGT) ที่ฉีกแนวไปจากการผลิตเดิม ไวน์มีสีแดงเข้มเกือบดำซึ่งเป็นผลมาจากการใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ กราสปารอซซ่า (Lambrusco Grasparossa) ผสมกับพันธุ์ลัมบรุสโก้ ดิ ซอร์บาร่า (Lambrusco di Sorbara)
              ตัวรองลงไปคือ ไวน์ลัมบรุสโก้ กราสปารอซซ่า ดิ คาสเตลเวโตร วินเยโต้ เอนริโก้ ชาลดินิ (Lambrusco Grasparossa di Castelvetro Vigneto Enrico Cialdini) ไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ใช้องุ่นพันธุ์ลัมบรุสโก้ กราสปารอซซ่า (Lambrusco Grasparossa) เป็นส่วนผสมหลัก
             
              ส่วนไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) ที่ผลิตจากเมืองอื่นๆ ก็มีไวน์ลัมบรุสโก้ เรจจาโน่ (Lambrusco Reggiano) จากเมืองเรจโจ้ เนลเลมิเรีย (Reggio nell’Emilia) ภายใต้การควบคุมของคอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า ลัมบรุสโก้ เรจจาโน่ (Consorzio Tutela Lambrusco Reggiano)  
              ไวน์ลัมบรุสโก้ มานโตวาโน่ (Lambrusco Mantovano) ผลิตจากตำบลมานโตว่า (Comune di Mantova) ภายใต้การควบคุมของคอนซอร์ซิโอ โวโลนตาริโอ ลัมบรุสโก้ มานโตวาโน่ (Consorzio Volontario Lambrusco Mantovano)  
              ไวน์ลัมบรุสโก้ เดล เลมิเลีย (Lambrusco dell’Emilia) ผลิตจากเมืองปราโต้ (Prato) ภายใต้การควบคุมของคอนซอร์ซิโอ คอลลิ ดิ สคันดิอาโน่ เอ คาโนสโซ่ (Consorzio Colli di Scandiano e Canossa)

              ในบ้านเรามีไวน์ลัมบรุสโก้ (Lambrusco) เข้ามาขายนานแล้วแต่ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าใดนัก เห็นมีอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนบางร้านเท่านั้นเอง  
              ก่อนดื่มควรแช่ให้เย็นเหมือนกับไวน์ขาว ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่จะแนะนำว่าควรดื่มที่อุณหภูมิ 14-16 องศาเซลเซียส

1 ความคิดเห็น: