วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มหากาพย์ไวน์ช้นเทพ แห่งทัสคานี ตอนที่ 4 Ornellaia

ไวน์ออร์เนลลาย่า (Ornellaia)
              เป็นอีกหนึ่งไวน์เทพที่กำลังเป็น “rising star” ของวงการไวน์อิตาเลียนในเวลานี้ ผลิตจากบริษัท เดล ลอเนลลาย่า (Tenuta dell’Ornellaia) ผู้ผลิตไวน์ที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัท มาร์เคสิ เด เฟรสโคบาลดิ (Marchesi de’ Frescobaldi) แห่งเมืองฟลอเรนซ์ (Florence)
              บริษัท เดล ลอเนลลาย่า (Tenuta dell’Ornellaia) ก่อตั้งเมื่อปีค..1981  เมื่อ มาร์เคเซ่ โลโดวิโก้ อันติโนริ (Marchese Lodovico Antinori) น้องชายของ มาร์เคเซ่ ปิเอโร่ อันติโนริ (Marchese Piero Antinori) แยกตัวออกมาจากธุรกิจของตระกูลไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ บนที่ดิน 91 เฮ็คตาร์ชายฝั่งมาเรมม่า (Maremma Coastal) ในชุมชนโบลเกริ (Bolgheri Zone) ตำบลคาสตาเยโต้ คาร์ดุชชิ (Comune di Castagneto Carducci)  ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกมาจากมารดา 
              เมื่อเริ่มแรก มาร์เคเซ่ โลโดวิโก้ ผู้เคยเรียนรู้วิธีการปลูกองุ่นพันธุ์คาเบอร์เน่ (Cabernet) และการจัดการในไร่ปลูกมาจากนายอันเดร เชลิสท์เชฟ (Andre Tchelistcheff) ได้ใช้พื้นที่ 76 เฮ็คต้าร์ ปลูกองุ่นพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) พันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) และพันธุ์แมร์โล (Merlot) หลังจากที่ได้มีการทดลองแล้วว่าเหมาะกับสภาพอากาศเฉพาะถิ่น (micro-climate) และสภาพดินในชุมชนแห่งนี้
              มาร์เคเซ่ โลโดวิโก้ผู้เคยเรียนรู้วิธีการทำไวน์มาจากนายมิทเชล โรลลองด์ (Michel Rolland) ไวน์เมคเกอร์ชั้นนำจากแคว้นบอร์โด (Bordeaux) ได้เริ่มทำไวน์ออร์เนลลาย่า ในปีค..1985  โดยใช้องุ่นพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 79 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์แมร์โล (Merlot) 18 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) 3 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งสัดส่วนนี้จะเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยตามคุณภาพขององุ่นในแต่ละวินเทจ  ผ่านการหมักแบบมาโลแลคติค เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) 12 เดือน โดยที่องุ่นแต่ละชนิดแยกจากกัน  จากนั้นนำไปเก็บบ่มรวมกันในถังบาร์ริค (barrique) อีก 6 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 12 เดือน ก่อนออกสู่ตลาด  ในช่วงเวลานั้นเรียกว่าเป็นไวน์เกรดตอสกาน่า ไอจีที.(Toscana IGT)     
              ตั้งแต่ในวินเทจ 2003  เป็นต้นไป จะเติมองุ่นพันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) เข้ามาเป็นส่วนผสมประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์   ซึ่งในวินเทจ 2007 จะมีส่วนผสมขององุ่นพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 55 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์แมร์โล (Merlot) 27 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) 14 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) 4 เปอร์เซ็นต์  
              หลังจากที่ถูกกำหนดให้อยู่ในเขตไวน์ดีโอซี.(DOC appellation) เมื่อปีค..1994  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ คอนซอร์ซิโอ ดิ ตูเตล่า โบลเกริ (Consorzio di Tutela Bolgheri) ไวน์ออร์เนลลาย่า (Ornellaia) จึงมีชื่อเรียกที่เป็นทางการว่า ไวน์โบลเกริ รอซโซ่ ซูเปริออเร่ ออร์เนลลาย่า (Bolgheri Rosso Superiore Ornellaia)
              ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมในงาน Ornellaia’s Wine Seminar & Wine Tasting ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (Grand Hyatt Erawan) เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ.2007  ซึ่งในครั้งนั้น นายโจวานนิ มาซโซนิ (Giovanni Mazzoni) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภาคพื้นเอเชีย (Area Manager) ของบริษัท ออร์เนลลาย่า (Tenuta dell’ Ornellaia) เป็น presentator  ไวน์ที่จัดเข้ามาในงานเป็นไวน์ออร์เนลลาย่า (Ornellaia) วินเทจ 2002 / 2003 และ 2004
              หลังจากจบการสัมนาผมได้สนทนากับนายโจวานนิ มาซโซนิ (Giovanni Mazzoni) ทำให้ได้ทราบว่าไวน์ออร์เนลลาย่า ได้รับความเอาใจใส่เป็นพิเศษมากกว่าไวน์ฉลากอื่น มีการฟื้นฟูไร่ปลูกและขยายพื้นที่ปลูกองุ่นพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) สำหรับนำมาทำไวน์ออร์เนลลาย่าโดยเฉพาะ  การเก็บเกี่ยวก็จะใช้แรงงานคน และในขั้นตอนการผลิตไวน์ยังมีการรคัดเลือกองุ่นด้วยมือในการคัดครั้งที่ 2 (second sorting)  ทำให้มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้จะเป็นไวน์แถวหน้าของไวน์อิตาเลียน ที่ผลิตในแบบอย่างไวน์จากแคว้นบอร์โด (Bordeaux-style)  
              และมีข้อแนะนำจากนายโจวานนิ มาซโซนิ (Giovanni Mazzoni) ให้เปิดไวน์ก่อนดื่มไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง หรือถ้ารอไม่ได้ก็ให้ถ่ายลงใส่ในดีแคนเตอร์ไว้ 1 ชั่วโมง
              วินเทจที่ดีมาจากวินเทจ 1997 / 1998 / 1999 และ 2001  แต่ที่เป็นสุดยอดของ ไวน์โบลเกริ รอซโซ่ ซูเปริออเร่ ออร์เนลลาย่า (Bolgheri Rosso Superiore Ornellaia) จะมาจากวินเทจ 1988  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น