วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มหากาพย์ไวน์ชั้นเทพ แห่งทัสคานี ตอนที่ 3 Solaia

ไวน์โซลาย่า (Solaia)
              หลังจากประสบความสำเร็จจาก ไวน์ตินยาเนลโล่ แล้ว มาร์เคเซ่ ปิเอโร่ และ นายจาโคโม่ ทาคิส (Giacomo Tachis) มีความเห็นร่วมกันว่า บริษัท มาร์เคสิ แอล.แอนด์ พี.อันติโนริ (Marchesi L&P Antinori) ควรมีไวน์ในแบบอย่างไวน์จากแคว้นบอร์โด (Bordeaux-style) อย่างแท้จริง ที่ใช้องุ่นที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ (International grapes)  โดยต้องการให้เป็นสุดยอดไวน์แดงของชาวทัสกัน (Tuscans)           
              ไวน์โซลาย่า มีความหมายว่าดวงอาทิตย์ที่ส่องแสง จึงถูกผลิตออกมาจากวินเทจ 1978  โดยที่ในระยะแรกๆ ใช้องุ่นพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) และพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) จากไร่โซลาย่า (Solaia Vineyard) ในอัตราส่วน 80 ต่อ 20  ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับไวน์ซาสซิคาย่า (Sassicaia)   
              แต่ทว่าในวินเทจ 1980  ได้เปลี่ยนแนวคิดใหม่โดยนำเอาพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) เข้ามาผสม 20 เปอร์เซ็นต์ ใช้พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 75 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือเป็นพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc)  เป็น ไวน์ซูเปอร์ทัสกัน ฉลากที่สองที่มีส่วนผสมขององุ่นพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) และเป็นฉลากที่สามจากฝีมือของ นายจาโคโม่ ทาคิส (Giacomo Tachis)
              วินเทจ 2002  เป็นฤดูกาลที่ไม่ดีขององุ่นพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) จึงใช้พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 90 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) 10 เปอร์เซ็นต์  แต่นับจากวินเทจ 2003 จนถึงวินเทจปัจจุบัน ใช้พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 75 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 20 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) 5 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) ใหม่ เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 12 เดือน
              แต่อย่างไรก็ตามไวน์ดีเช่นนี้ถูกจัดอยู่ในเกรดตอสกาน่า ไอจีที.(Toscana IGT) เท่านั้น
              วินเทจที่ดีของไวน์โซลาย่ามาจากวินเทจ 1982, 1985, 1990, 1997, 1998, 1999, 2000 และ 2001 แต่ที่เป็นสุดยอดจะมาจากวินเทจ 1985  ที่นายโรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ (Robert M. Parker Jr.) ให้ 95 คะแนน  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น