วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เจาะลึกไวน์จากแคว้นทัสคานี : ไวน์จากเมืองปิซ่า (Pisa)


                                             ไวน์จากเมืองปิซ่า (Pisa)


              เมืองปิซ่า (Pisa) เป็นเมืองขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของแคว้นทัสคานี (Tuscany) ซึ่งรวมเอา 39 ชุมชนเล็กๆ เข้าไว้ด้วยกัน  เป็นชุมชนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในยุคกลาง (Middle Ages) ซึ่งชาวปิซาเน่ (Pisane) มีอำนาจทางทะเลในบริเวณทะเลลิกูเรียน (Ligurian Sea)  และเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญในคาบสมุทรอิตาลี (Italian Peninsula)
              มีพื้นที่ประมาณ 2,444 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 411,376 คน (ค.ศ.2009)  นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกรู้จักเมืองนี้ในมิติของ หอเอนแห่งเมืองปิซ่า (The Leaning Tower of Pisa) ที่อยู่ในบริเวณจตุรัสแห่งมหาวิหาร (Piazza del Duomo) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World Heritage) ลำดับที่ 395  จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อปีค.ศ.1987
              ไวน์จากเมืองปิซ่า (Pisa) ไม่มีไวน์เกรดดีโอซีจี.(DOCG) จะมีแต่ไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) และไวน์ตอสกาน่า ไอจีที.(Toscana IGT)  เท่านั้น
              ไวน์มอนเต้สคูดาโย่ (Montescudaio)
              ไวน์มอนเต้สคูดาโย่ (Montescudaio) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่กำหนดขึ้นเมื่อปีค.ศ.1989  แหล่งผลิตอยู่ใน 7 ชุมชน เขตเมืองปิซ่า (Pisa) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลมอนเต้สคูดาโย่ (Comune di Montescudaio) ตำบลคาซาเล่ มาริตติโม่ (Comune di Casale Marittimo) ตำบลกวาร์เดียสตัลโล่ (Comune di Guardiastallo) ตำบลคาสเตลลิน่า มาริตติม่า (Comune di Castellina Marittima) ตำบลมอนเต้คาตินิ วัล ดิ เชชิน่า (Comune di Montecatini Val di Cecina) ตำบลซานตา ลูเช่ (Comune di Santa Luce) และตำบลริปาร์เบลล่า (Comune di Riparbella)  
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) ไวน์ขาว (Vino Bianco) และไวน์วิน ซานโต้ (Vin Santo)              
การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ คอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า วิโน่ มอนเต้สคูดาโย่ (Consorzio Tutela Vino Montescudaio)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์มอนเต้สคูดาโย่ รอซโซ่ (Montescudaio Rosso) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองปิซ่าา (Pisa) ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์  หากเป็นชนิดโมโนวาไรทัล (mono varietal) ให้ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) พันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) พันธุ์แมร์โล (Merlot) พันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองปิซ่า (Pisa) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์
2.  ไวน์มอนเต้สคูดาโย่ เบียงโค่ (Montescudaio Bianco) ชนิดธรรมดา และไวน์มอนเต้สคูดาโย่ วิน ซานโต้ (Montescudaio Vin Santo) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองปิซ่าา (Pisa) ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์  หากเป็นชนิดโมโนวาไรทัล (mono varietal) ให้ใช้องุ่นเขียวพันธุ์แวร์เมนติโน่ (Vermentino) พันธุ์ชาร์ดอนเน่ (Chardonny) พันธุ์โซวินยอง บลอง (Sauvignon blanc) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองปิซ่า (Pisa) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์
              ผู้ผลิตไวน์มอนเต้สคูดาโย่ (Montescudaio Wine Producers)            
              ผู้ผลิตไวน์มอนเต้สคูดาโย่ (Montescudaio) ที่โดดเด่นจะอยู่ในตำบลริปาร์เบลล่า (Comune di Riparbella) ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองปิซ่า (Pisa)
              บริษัท ลา เรโกล่า (Podere La Regola) จากตำบลริปาร์เบลล่า (Comune di Riparbella) เป็นกิจการของตระกูลนูติ (Nuti family) ที่ก่อตั้งมาเกือบ 100 ปี  ทำไวน์มอนเต้สคูดาโย่ รอซโซ่ ลา เรโกล่า (Montescudaio Rosso La Regola) โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) 85 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์แมร์โล (Merlot) 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะใช้พันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 12 เดือน
              ไวน์มอนเต้สคูดาโย่ รอซโซ่ วัลลิโน่ (Montescudaio Rosso Vallino) ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 85 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะใช้พันธุ์ซีร่าห์ (Syrah)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน

              ไวน์เบียงโค่ ปิซาโน่ ดิ ซาน ตอร์เป้ (Bianco Pisano di San Torpè)
              ไวน์เบียงโค่ ปิซาโน่ ดิ ซาน ตอร์เป้ (Bianco Pisano di San Torpè) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่กำหนดขึ้นเมื่อปีค.ศ.1980  แหล่งผลิตอยู่ใน 18 ชุมชน เขตเมืองปิซ่า (Pisa) และเมืองลิวอร์โน่ (Livorno)
              เมืองปิซ่า (Pisa) ผลิตอยู่ใน 17 ชุมชน ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลคาสชาน่า แตร์เม่ (Comune di Casciana Terme) ตำบลคาสชิน่าฟาอูเยีย (Comune di Cascina Fauglia) ตำบลคาปันโนริ (Comune di Capannori) ตำบลเคียนิ (Comune di Chiani) ตำบลเครสปิน่า (Comune di Crespina) ตำบลลายาติโค่ (Comune di Lajatico) ตำบลลาริ (Comune di Lari) ตำบลลอเรนซาน่า (Comune di Lorenzana) ตำบลมอนโตโปลิ วัลดาโน่ (Comune di Montopoli Valdarno) ตำบลปาลาย่า (Comune di Palaia) ตำบลเปชโชลิ (Comune di Peccioli) ตำบลปอนซัคโค่ (Comune di Ponsacco) ตำบลซาน มิเนียโต้ (Comune di San Miniato) ตำบลซานต้า ลูเช่ (Comune di Santa Luce) ตำบลแตร์ริชโชล่า (Comune di Terricciola)  พื้นที่บางส่วนของตำบลคาสชิน่า (Comune di Cascina) และตำบลปอนเต้เดร่า (Comune di Pontedera)  
              เมืองลิวอร์โน่ (Livorno) ผลิตอยู่ในตำบลคอลเล่ซัลเวตติ (Comune di Collesalvetti)
              มีการผลิตทั้งไวน์ขาว (Vino Bianco) และไวน์วิน ซานโต้ (Vin Santo)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ คอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า วิโน่ เบียงโค่ ปิซาโน่ ดิ ซาน ตอร์เป้ (Consorzio Tutela Vino Bianco Pisano di San Torpè)  โดยมีสาระสำคัญว่า ไวน์เบียงโค่ ปิซาโน่ ดิ ซาน ตอร์เป้ (Bianco Pisano di San Torpè) ชนิดธรรมดา และไวน์เบียงโค่ ปิซาโน่ ดิ ซาน ตอร์เป้ วิน ซานโต้ (Bianco Pisano di San Torpè Vin Santo) ชนิดธรรมดา และ “Riserva”  ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) ไม่น้อยกว่า 75 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในในเมืองปิซ่า (Pisa) และเมืองลิวอร์โน่ (Livorno) ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์
 
              ไวน์ซูเปอร์ทัสกัน จากเมืองปิซ่า (SuperTuscans from Pisa)
              ในเมืองปิซ่า (Pisa)  มีไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) ที่ผลิตออกมาหลากหลายเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ที่ผลิตขึ้นมาไม่นานมานี้   
              ไวน์ลูปิกาย่า (Lupicaia) และ ไวน์คาสเตลโล่ เดล แตร์ริชโช่ (Castello del Terriccio)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท คาสเตลโล่ เดล แตร์ริชโช่ (Castello del Terriccio) จากตำบลคาสเตลลิน่า มาริตติม่า (Comune di Castellina Marittima)  ก่อตั้งโดยตระกูลกาเอตานิ (Gaetani family) ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 13 ต่อมาตกไปอยู่ในครอบครองของเจ้าชายโปเนียทอฟสกี้ (Poniatowski) แห่งประเทศโปแลนด์ และเปลี่ยนมือเป็นของหลายตระกูล 
              จนในที่สุดตกเป็นของตระกูลแฟร์ริ (Ferri family) เมื่อปีค.ศ.1923  ปัจจุบันอยู่ในความรับชอบของนายจาน อันนิบาเล่ เมเดลาน่า แฟร์ริ (Gian Annibale Medelana Ferri) บุรุษเหล็กผู้นั่งอยู่บนวีลแชร์ โดยมีด๊อกเตอร์คาร์โล แฟร์รินิ (Dr.Carlo Ferrini) เป็นที่ปรึกษาด้านการผลิต             
              ไวน์ลูปิกาย่า  ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 1991  ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 90 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์แมร์โล (Merlot) 10 เปอร์เซ็นต์  แต่นับจากวินเทจ 2003 เป็นต้นไปจะนำเอาพันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) เข้ามาแทนที่พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 5 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 10 เดือน
              ไวน์คาสเตลโล่ เดล แตร์ริชโช่ ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2000  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) 25 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์มูร์แวร์ด (Mourvedre) 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 16 เดือน
             
              ไวน์เวเนโรโซ่ (Veneroso) และ ไวน์นัมบร๊อท (Nambrot)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท กิซซาโน่ (Tenuta di Ghizzano) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1985 ในตำบลเปชโชลิ (Comune di Peccioli)  เป็นกิจการของตระกูลเวเนโรสิ เปสโชลินิ (Venerosi Pesciolini family) ตระกูลเก่าแก่แห่งแคว้นทัสคานี (Tuscany) ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในตำบลกิซซาโน่ (Comune di Ghizzano) เมื่อปีค.ศ.1370  ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของนางจิเนฟร่า เวเนโรสิ เปสโชลินิ (Ginevra Venerosi Pesciolini)
              ไวน์เวเนโรโซ่ ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 1985  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 70 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวิญยอง (Cabernet sauvignon) 30 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) 16 เดือน และเก็บบ่มในขวด 12 เดือน
              ไวน์นัมบร๊อท ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 1996  ซึ่งในวินเทจแรกๆ จะมีส่วนผสมขององุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) และพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon)   แต่นับจากวินเทจ 2000 เป็นต้นไปจะใช้พันธุ์แมร์โล (Merlot) 70 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 20 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) 10 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 4 เดือน
             
              ไวน์ดัลคามาร่า (Dulcamara) และ ไวน์แปร์บรูโน่ (PerBruno)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท อิ จุสติ เอ ซานซ่า (I Giusti e Zanza)  แห่งตำบลฟาอูเยีย (Comune di Fauglia) ผู้ผลิตไวน์รายเล็กๆ บนพื้นที่ 35 เฮ็คต้าร์ กิจการของนายเปาโล จุสติ (Paolo Giusti) ที่ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1995  
              ไวน์ดัลคามาร่า  ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 1996  ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 70 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์แมร์โล (Merlot) 30 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังไม้โอ๊กขนาด 300 ลิตร 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 12 เดือน
              ไวน์แปร์บรูโน่  ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2003  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 100 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังไม้โอ๊กขนาด 300 ลิตร เป็นเวลา 12 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น