ไวน์เอดิซิโอเน่ (Edizione)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้สัมผัสกับ “เอดิซิโอเน่” อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยดื่มครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี 2010 ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยสำหรับการรอคอย
“เอดิซิโอเน่” เป็นไวน์ดีของบริษัท ฟาร์เนเซ่ วินิ (Farnese Vini Srl.) ผู้ผลิตรายใหญ่จากตำบลออร์โตน่า (Ortona) เมืองคิเอติ (Chieti) แคว้นอาบรุซโซ่ (Abruzzo) ซึ่งผลิตไวน์ออกจำหน่ายทั่วโลกปีละ 11 ล้านขวด ความเป็นมาของผู้ผลิตรายนี้ได้ถูกเล่าขานกันมาตั้งแต่ปีค.ศ.1538 เมื่อเจ้าหญิงมาร์เกริต้า ดอสเตรีย (Margherita d’Austria) พระธิดาของจักรพรรดิ์คาร์โล ที่ 5 (Emperor Carlo V) แห่งราชวงศ์แฮพส์เบอร์ก (House of Hapsburg) เข้าพิธีอภิเษกกับ อ๊อตตาวิโอ ฟาร์เนเซ่ (Ottavio Farnese) ผู้เป็นดยุคแห่งเมืองปาร์ม่า (Duke of Parma) และเจ้าหญิงได้เสด็จมาประทับในประเทศอิตาลีอย่างถาวรตั้งแต่ปีค.ศ.1567
ในปีค.ศ.1582 ซึ่งเป็นบั้นปลายแห่งชีวิต เจ้าหญิงมาร์เกริต้า ดอสเตรีย (Margherita d’Austria) ได้ทรงจ่ายเงิน 52,000 ดูกัต (ducat) ซื้อที่ดินมากมายในตำบลออร์โตน่า (Ortona) เพื่อสร้าง คาสเตลโล่ คาลโดร่า (Castello Caldora) ปราสาทหลังใหญ่ที่มีความหรูหราที่สุดในยุคนั้น ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งและปราสาทหลังนั้นได้รับการบูรณะให้เป็นบริษัท ฟาร์เนเซ่ วินิ (Farnese Vini Srl.) ในปัจจุบัน
“เอดิซิโอเน่” มีชื่อเรียกอย่างยาวเหยียดว่า ไวน์เอดิซิโอเน่ ชิงเกว้ อาวต๊อคโตนิ (Edizione Cinque Autoctoni) เป็นไวน์ชนิดไม่มีวินเทจ (non-vintage) ที่คัดเลือกองุ่นพื้นเมือง 5 ชนิด จากแคว้นอาบรุซโซ่ (Abruzzo) และแคว้นปูเลีย (Puglia) ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุชั้นของไวน์ได้เลยแม้แต่เกรดไอจีที.(IGT appellation) ซึ่งเป็นหนึ่งในความแตกต่างจากไวน์อิตาเลียนทั่วๆ ไป
องุ่นพื้นเมือง 5 ชนิด นำโดยองุ่นพันธุ์มอนเตปูลชาโน่ (Montepulciano) 33 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ปริมิติโว่ (Primitivo) 30 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 25 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยพันธุ์เนโกรอมาโร (Negroamaro) 7 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์มาลวาเซีย เนร่า (Malvasia nera) 5 เปอร์เซ็นต์ มีการเก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 14 เดือน
ไวน์มีโครงสร้างบึกบึน แข็งแรงมาก สีแดงเข้มเฉดสีม่วงแสดงถึงความสดใหม่ที่ยังไม่อยู่ในระดับ mature อย่างเต็มที่ หากพิจารณาจากสีของไวน์ขวดนี้น่าจะมีอายุไม่เกิน 4 ปี
กลิ่นผลไม้เปลือกดำสุกฉ่ำและกลิ่นวานิลลาโชยเข้าจมูกทันทีที่รินไวน์ แทนนินเข้มลึกที่รู้สึกได้เมื่อจิบไวน์แต่เพียงเล็กน้อย
เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง แทนนินเริ่มบางลงแต่ไวน์ยังไม่สมดุล ต่อเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงความสมดุลจึงอยู่ในระดับที่กลมกลืนกันระหว่าแทนนิน แอซิด และความหวานปลายลิ้น
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ไวน์มีกลิ่นลูกพรุนที่หอมหวาน ความสมดุลดีมาก อ๊าฟเตอร์เทสต์ยาวนาน จนเพื่อนชาวต่างชาติที่ดื่มด้วยกันถึงกับพูดออกมาว่า “long finished”
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ไวน์ยังคงมีความเสถียรอยู่ และแก้วสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปสามชั่วโมง ไวน์ยังคงอยู่เคียงข้างเราโดยไม่มีความผิดเพี้ยนในรสชาติ ซึ่งคาดแม้เวลาผ่านไป 4-5 ชั่วโมง ไวน์ก็ยังคงความเป็นตนเองอย่างมั่นคง
บทสรุปสั้นๆ ของ “เอดิซิโอเน่” เป็นไวน์ที่พร้อมดื่มในเวลานี้ และสามารถเก็บไว้ได้อีกอย่างน้อย 5-7 ปี นั่นหมายความไวน์ขวดนี้เก็บไว้ได้จนถึงปีค.ศ.2015 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากผู้ผลิต ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น