วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เจาะลึกไวน์จากแคว้นทัสคานี : ไวน์จากเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo)


                                     ไวน์จากเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo)



              เมืองอาเรซโซ่ (Arezzo)  เป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองฟลอเรนซ์ (Florence)  ซึ่งรวมเอา 39 ชุมชน เข้าไว้ด้วยกัน  มีพื้นที่ประมาณ 3,235 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 349,082 คน (ค.ศ.2010)
              ไวน์จากเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) มีไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) 2 เขต และมีไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) ชั้นดีอีกมากมายทีเดียว
              ไวน์คอร์โตน่า (Cortona)
              ไวน์คอร์โตน่า (Cortona) เป็นไวน์ในเขตดีโอซี.(DOC) ที่กำหนดขึ้นเมื่อปีค.ศ.1999  แหล่งผลิตไวน์อยู่ในตำบลคอร์โตน่า (Comune di Cortona) เขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่าแก่แห่งหนึ่งที่เคยเป็นถิ่นฐานของชาวเอทรัสกัน (Etruscans) เมื่อปีที่ 8 ก่อนคริสตกาล
              ไวน์ที่ผลิตเป็นไวน์แดง (Vino Rosso) ไวน์โรซาโต้ (Rosato) ไวน์ขาว (Vino Bianco) ไวน์วิน ซานโต้ (Vin Santo) และไวน์วิน ซานโต้ อ๊อคคิโอ ดิ แปร์นิเช่ (Vin Santo Occhio di Pernice)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ คอนซอร์ซิโอ ดิ ตูเตล่า เดอิ วินิ คอร์โตน่า (Consorzio di Tutela dei Vini Cortona)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์คอร์โตน่า รอซโซ่ (Cortona Rosso) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) พันธุ์กาเมย์ (Gamay) พันธุ์แมร์โล (Merlot) พันธุ์ปิโน เนโร (Pinot nero) พันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) พันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์
2.  ไวน์คอร์โตน่า เบียงโค่ (Cortona Bianco) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์ชาร์ดอนเน่ (Chardonnay) พันธุ์เกรเคตโต้ (Grechetto) พันธุ์ปิโน เบียงโค่ (Pinot bianco) พันธุ์รีสลิ่ง อิตาลิโค่ (Riesling Italico) พันธุ์โซวินยอง บลอง (Sauvignon blanc) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์
3.  ไวน์คอร์โตน่า โรซาโต้ (Cortona Rosato) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 40-60 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์คานายโยโล่ เนโร (Canaiolo nero) 10-30 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์
4.  ไวน์คอร์โตน่า วิน ซานโต้ (Cortona Vin Santo) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) พันธุ์เกรเคตโต้ (Grechetto) พันธุ์มาลวาเซีย เบียงค่า ลุงก้า (Malvasia bianca lunga) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์
5.  ไวน์คอร์โตน่า วิน ซานโต้ อ๊อคคิโอ้ ดิ แปร์นิเช่ ชนิดธรรมดา (Cortona Vin Santo Occhio di Pernice) ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) พันธุ์มาลวาเซีย เนร่า (Malvasia nera) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์
              ผู้ผลิตไวน์คอร์โตน่า (Cortona Wine Producers)        
              บริษัท ลุยจิ ดาเลสซานโดร (Tenimenti Luigi D’Alessandro) ของนายมัสซิโม่ ดาเลสซานโดร (Massimo D’Alessandro) และนายจุยเซ๊ปเป้ คาลาเบรสิ  (Giuseppe Calabresi) เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีผลผลิตปีละประมาณ 200,000 ขวด  ทำไวน์คอร์โตน่า อิล บอสโก้ (Cortona Il Bosco) โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 100 เปอร์เซ็นต์ เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน
              ส่วนไวน์คอร์โตน่า ซีร่าห์ (Cortona Syrah) ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกัน  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน
              บริษัท ฟาบริซิโอ้ ดิโอนิซิโอ้ (Fabrizio Dionisio) ของนายฟาบริซิโอ้ ดิโอนิซิโอ้ (Fabrizio Dionisio)  ทำไวน์คอร์โตน่า ซีร่าห์ (Cortona Syrah) โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 100 เปอร์เซ็นต์ เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 16 เดือน  เป็นไวน์ธงของผู้ผลิตรายนี้
            
              ไวน์วัลดิเคียน่า (Valdichiana)
              ไวน์วัลดิเคียน่า (Valdichiana) เป็นไวน์ในเขตดีโอซี.(DOC) ที่กำหนดขึ้นเมื่อปีค.ศ.1989  แหล่งผลิตไวน์อยู่ใน 11 ชุมชน เขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) และเขตเมืองซิเอน่า (Siena)
              เมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ผลิตอยู่ใน 7 ชุมชน ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลคอร์โตน่า (Comune di Cortona) ตำบลโฟยาโน่ (Comune di Foiano) ตำบลลูชินยาโน่ (Comune di Lucignano) ตำบลคาสติลิโอน ฟิออเรนติโน่ (Comune di Castiglion Fiorentino) ตำบลมาร์ชาโน่ (Comune di Marciano) ตำบลมอนเต้ ซาน ซาวิโน่ Comune di Monte San Savino) และตำบลชิวิเตลล่า วัล ดิ เคียน่า (Comune di Civitella Val di Chiana)
              เมืองซิเอน่า (Siena) ผลิตอยู่ใน 4 ชุมชน ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลมอนเต้ปูลชาโน่ (Comune di Montepulciano) ตำบลซินาลุงก้า (Comune di Sinalunga) ตำบลตอร์ริต้า (Comune di Torrita) และตำบลคิอูสิ (Comune di Chiusi)
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) ไวน์ขาว (Vino Bianco) ไวน์ขาวมีฟองเล็กน้อย (Vino frizzante) ไวน์ขาวมีฟอง (Vino spumante) ไวน์โรซาโต้ (rosato) และไวน์หวานวิน ซานโต้ (Vin Santo)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ คอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า วินิ วัลดิเคียน่า (Consorzio Tutela Vini Valdichiana)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์วัลดิเคียน่า รอซโซ่ (Valdichiana Rosso) และไวน์วัลดิเคียน่า โรซาโต้ (Valdichiana Rosato) ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์แมร์โล (Merlot) พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) พันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) และเขตเมืองซิเอน่า (Siena) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์  หากเป็นชนิดโมโนวาไรทัล (mono varietal) ให้ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) และเขตเมืองซิเอน่า (Siena) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์
2.  ไวน์วัลดิเคียน่า เบียงโค่ (Valdichiana Bianco) ชนิดธรรมดา ไวน์วัลดิเคียน่า ฟริซซานเต้ (Valdichiana Frizzante) ชนิดธรรมดา และไวน์วัลดิเคียน่า สปูมานเต้ (Valdichiana Spumante) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ชาร์ดอนเน่ (Chardonnay) พันธุ์เกรเคตโต้ (Grechetto) พันธุ์ปิโน เบียงโค่ (Pinot bianco) พันธุ์ปิโน กริโจ้ (Pinot grigio) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่เกิน 80 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) และเขตเมืองซิเอน่า (Siena) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์  หากเป็นชนิดโมโนวาไรทัล (mono varietal) ให้ใช้องุ่นเขียวพันธุ์ชาร์ดอนเน่ (Chardonnay) พันธุ์เกรเคตโต้ (Grechetto) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) และเขตเมืองซิเอน่า (Siena) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์
3.  ไวน์วัลดิเคียน่า วิน ซานโต้ (Valdichiana Vin Santo) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) พันธุ์มาลวาเซีย เบียงค่า ลุงก้า (Malvasia bianca lunga) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือจะใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเขตเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) และเขตเมืองซิเอน่า (Siena) ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์
              ผู้ผลิตไวน์วัลดิเคียน่า (Valdichiana Wine Producers)
              บริษัท คาซาลิ อิน วัล ดิ คิโอ (Casali in Val di Chio)  ผู้ผลิตรายเล็กๆ จากตำบลคาสติลิโอน ฟิออเรนติโน่ (Comune di Castiglion Fiorentino) เมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) ทำไวน์แดงวัลดิเคียน่า (Valdichiana) ได้ดีพอควร  มีไวน์วัลดิเคียน่า อาร์โรเน่ (Valdichiana Arrone) เป็นตัวชูโรง
             
              ไวน์ซูเปอร์ทัสกัน จากเมืองอาเรซโซ่ (SuperTuscans from Arezzo)
              ไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จากเมืองอาเรซโซ่ (Arezzo) แม้จะมีอยู่ไม่มากนัก แต่ก็เป็นไวน์ที่รู้จักกันโดยทั่วไป
              ไวน์กาลาโตรน่า (Galatrona)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท ฟัตตอเรีย ดิ เปโตรโล่ (Fattoria di Petrolo) แห่งตำบลแมร์คาตาเล่ วัลดาร์โน่ (Comune di Mercatale Valdarno) ของตระกูลบาซซ๊อคคี่ (Bazzocchi family) เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์บนที่ดินผืนนี้มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 40   มีไร่ปลูกองุ่นอยู่บนเนินเขาอาเรตินิ (Aretini hills) ที่มีความสูง 250-400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลท่ามกลางความเขียวขจีของป่าสนและต้นโอ๊ก ซึ่งบนยอดสูงสุดของเนินเขาจะมี ตอร์เร่ ดิ กาลาโตรน่า (Torre di Galatrona) หรือ หอคอยแห่งกาลาโตรน่า (Tower of Galatrona) ยืนตระหง่านมานานหลายร้อยปี  ได้ตั้งชื่อไวน์ตัวเอกนี้ตามชื่อของหอคอย   
              ใช้องุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) 100 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 14 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 12 เดือน 

              ไวน์โอเรโน่ (Oreno) ไวน์ป๊อจโจ้ อัล ลูโป้ (Poggio al Lupo) และ ไวน์โครนโยโล่ (Crognolo)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท เซตเต้ ปอนติ (Tenuta Sette Ponti)  แห่งตำบลคาสติโยน ฟิบ๊อคคิ (Comune di Castiglion Fibocchi) ของนายอันโตนิโอ โมเรตติ (Antonio Moretti)
              ไวน์โอเรโน่  ใช้องุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) และพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน 
              ไวน์ป๊อจโจ้ อัล ลูโป้  ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 73 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์อลิคันเต้ (Alicante) 20 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) 7 เปอร์เซ็นต์ เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 6 เดือน
              ไวน์โครนโยโล่  เป็นไวน์ซานโจเวเซ่-เบส (Sangiovese -based) ที่แต่งเติมด้วยพันธุ์แมร์โล (Merlot) เพียงเล็กน้อย เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 6 เดือน

              ไวน์อิล บอร์โร่ (Il Borro)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท อิล บอร์โร่ (Il Borro) แห่งตำบลโลโร่ ชุฟเฟนน่า (Comune di Loro Ciuffenna) ของนายแฟร์รุชโช่ แฟร์รากาโม่ (Ferruccio Ferragamo) ที่ซื้อจากเจ้าของเดิมในปีค.ศ.1985
              ใช้องุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 35 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 10 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์เปอตี แวร์โด (Petit verdot) 5 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มแยกจากกันในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน จากนั้นน้ำไวน์จากองุ่นทั้ง 4 ชนิด จะถูกนำไปรวมกันในถังเหล็กไร้สนิมเป็นเวลา 1 เดือน และเมื่อบรรจุขวดแล้วจะเก็บบ่มในขวดอีก 6 เดือน

              ไวน์อิล คาเบอร์ล๊อต (Il Caberlot)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท อิล คาร์นาสชาเล่ (Podere Il Carnasciale) แห่งตำบลแมร์คาตาเล่ วัลดาร์โน่ (Comune di Mercatale Valdarno) ของนางเบตติน่า โรโกสกี้ (Bettina Rogosky) ผู้ผลิตไวน์รายเล็กๆ ที่ทำไวน์ปีละ 2,500 ขวด
              นางเบตติน่า โรโกสกี้ (Bettina Rogosky) สาวใหญ่ชาวเยอรมันนีผู้จบการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์ (Fashion Design) เริ่มต้นมาเกี่ยวข้องกับไวน์เมื่อปีค.ศ.1986  เมื่อสามีชาวเยอรมันนีของนางได้รับใบอนุญาตให้ทำการผลิตไวน์ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้โดยได้รับคำแนะนำด้านการปลูกองุ่นจากนายเรมิโจ้ บอร์ดินิ (Remigio Bordini) และการทำไวน์จากนายวิตตอริโอ ฟิออริ (Vittorio Fiori)  
              หลังจากที่สามีเสียชีวิตในปีค.ศ.1994  นางเบตติน่า โรโกสกี้ (Bettina Rogosky) จึงทำหน้าเป็นไวน์เมคเกอร์ด้วยตนเอง โดยมีลูกชายทั้งสองเป็นผู้ช่วย
              ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 1988  ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) ผสมกับพันธุ์แมร์โล (Merlot)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน และเมื่อบรรจุขวดแล้วจะเก็บบ่มในขวดอีก 18 เดือน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น