วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เจาะลึกไวน์จากแคว้นทัสคานี : ไวน์จากเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto)

                                      ไวน์จากเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto)



              กรอซเซโต้  เป็นเมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ทางตอนใต้สุดของแคว้นทัสคานี (Tuscany) ซึ่งรวมเอา 9 ชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน  มีพื้นที่ประมาณ 4,504 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 228,013 คน (ค.ศ.2010)
              ในตัวเมืองยังคงเห็นมีกำแพงเมดิชิ (The Medicean Walls) สร้างล้อมรอบตัวเมืองเพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรู ซึ่งกำแพงใหญ่ที่เห็นปรากฏทุกวันนี้เริ่มสร้างโดยนายฟรานเชสโก้ เด เมดิชิ (Francesco de Medici) เมื่อปีค.ศ.1574  เพื่อทดแทนกำแพงเก่าที่สร้างในศตวรรษที่ 12  ในปัจจุบันได้กลายเป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนของชาวเมือง
              ไวน์จากเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) จะมีไวน์เกรดดีโอซีจี.(DOCG) เพียง 1 เขต คือ เขตไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano)  ส่วนที่เหลือจะเป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) และไวน์ตอสกาน่า ไอจีที.(Toscana IGT)
              ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano)
              ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOCG) ที่ได้รับการยกระดับเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ.2006  หลังจากที่ถูกกำหนดให้เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ในปีค.ศ.1978  มีศูนย์กลางการผลิตอยู่ในตำบลสคันซาโน่ (Comune di Scansano) และกระจัดกระจายไปในชุมชนใกล้เคียงอีก 6 ชุมชน      
              ตำบลสคันซาโน่ เป็นชุมชนในปกครองของเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) โดยอยู่ห่างจากทะเลไทเรเนียน (Tyrrhenian Sea) เพียงแค่ 35 กิโลเมตร  จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้พบว่ามีการตั้งถิ่นฐานโดยชาวเอทรัสกัน (Etruscans) เมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นชุมชนที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของแคว้น
              มีสมมติฐานว่า สคันซาโน่ มาจากชื่อ ซาน อันซาโน่-San Ansano” นักบวชคริสเตียนผู้ยอมสละชีวิตเพื่อศาสนา ผู้ชักนำให้ชาวบ้านให้ร่วมกันสร้างโบสถ์และศาสนะสถานประจำชุมชนแห่งนี้  ปัจจุบันเป็นชุมชนเล็กๆ ที่อยู่บนสันเขา ประชากรจะอาศัยอยู่ทั้งสองด้าน
              หลายคนคงได้เคยสัมผัสไวน์ตัวนี้มาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจจะพอได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น  จึงขอให้ท่านนึกถึงไวน์เคียนติ (Chianti) ที่เราคุ้นเคย เพราะไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ที่จะกล่าวถึงนี้จะไม่แตกต่างไปจากไวน์เคียนติ (Chianti) เท่าใดนัก เนื่องจากเป็นไวน์แดงที่ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งชาวบ้านในถิ่นนี้จะเรียกองุ่นพันธุ์นี้ว่า พันธุ์โมเรลลิโน่   
              กฏเกณฑ์การผลิตไวน์อยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลของ คอนซอร์ซิโอ ตูเตล่า โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Consorzio Tutela Morellino di Scansano)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้              
1.  เขตการผลิตไวน์ได้ถูกกำหนดขึ้นสำหรับการผลิตไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ไวน์แดงชนิดธรรมดา และ “Riserva”   
2.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) จะต้องทำการผลิต และและทำการเก็บบ่มในตำบลสคันซาโน่ (Comune di Scansano) ตำบลมานชาโน่ (Comune di Manciano) ตำบลมาเยียโน่ อิน ตอสกาน่า (Comune di Magliano in Toscana) ตำบลกรอซเซโต้ (Comune di Grosseto) ตำบลคัมปันยาติโค่ (Comune di Campagnatico) ตำบลเซมโปรเนียโน่ (Comune di Semproniano) และตำบลร๊อคคัลเบนย่า (Comune di Roccalbegna)  
3.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” จะต้องใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่ต่ำกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ และให้ใช้องุ่นแดงชนิดอื่นที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ 
4.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) จะต้องมีจำนวนน้ำหนักผลองุ่นที่เก็บเกี่ยวจากไร่ปลูก ไม่เกิน 12,000 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 1 เฮ็คต้าร์          
5.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) จะต้องมีลักษณะตามที่กำหนด ดังนี้  ไวน์มีความสดใสไม่ขุ่นมัว  มีสีแดงทับทิมสดใสเมื่อเป็นไวน์ใหม่และมีประกายสีแดงโกเมนเมื่อผ่านการเก็บบ่ม  กลิ่นของไวน์จะต้องเป็นกลิ่นองุ่นที่นำมาทำการผลิตและจะพัฒนาไปเป็นกลิ่นอื่นในช่วงเวลาของการเก็บบ่ม (maturation period)  รสชาติมีความนุ่มนวลสมดุล  มีแทนนินบางเบา  และมีแอซิดรวม (total acidity) ไม่น้อยกว่า 4.5 กรัมต่อลิตร
6.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) จะต้องออกสู่ตลาดหลังจากวันที่ 1 มีนาคม ของปีถัดจากฤดูกาลเก็บเกี่ยว และต้องมีระดับแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 12.5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับชนิดธรรมดา  ส่วนชนิด “Riserva” ต้องเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กไม่ต่ำกว่า 1 ปี และรวมระยะเวลาการเก็บบ่มไม่ต่ำกว่า 2 ปี  โดยให้นับจากวันที่ 1 มกราคม ของปีถัดจากฤดูกาลเก็บเกี่ยว และต้องมีระดับแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 13.0 เปอร์เซ็นต์
7.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ห้ามใช้คำว่า ซูเปริออเร่ (superiore) เอ๊กซ์ตร้า (extra) ฟิเน่ (fine) สเกลโต้ (scelto) เซเลซิโอนาโต้ (selezionato) หรือ คำที่มีความหมายคล้ายกัน บนฉลากไวน์
8.  ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) จะต้องทำการบรรจุในขวดแก้วทรงบอร์โด (Bordeaux-styled bottle) ในขนาดบรรจุตั้งแต่ 100 ซีซี. จนถึงขนาดบรรจุ 5 ลิตร  
              ผู้ผลิตไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano Wine Producers)  
              ผู้ผลิตไวน์ส่วนใหญ่จะใช้องุ่นแดงพันธุ์พื้นเมืองเป็นส่วนผสม เช่น พันธุ์ชิลิเอโจโล่ (Ciliegiolo) หรือ พันธุ์คานายโยโล่ เนโร (Canaiolo nero) หรือ พันธุ์มาลวาเซีย เนร่า (Malvasia nera)  แต่ผู้ผลิตบางรายก็จะใช้องุ่นแดงที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ (international grapes) เช่น พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) หรือ พันธุ์แมร์โล (Merlot)  
              บริษัท เล ปูปิลเล่ (Fattoria Le Pupille) กิจการของนางเอลิซาเบ๊ตต้า เก๊ปเปตติ (Elisabetta Geppetti) ที่โดดเด่นมาจากไวน์ซาฟเฟรดิ (Saffredi)  ทำ ไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ ป๊อจโจ้ วาเลนเต้ (Morellino di Scansano Poggio Valente) มาตั้งแต่วินเทจ 1996 โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์โมเรลลิโน่ (Morellino) เกือบทั้งหมด และใช้พันธุ์อลิคันเต้ (Alicante) ผสมเพียง 2-5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 15 เดือน
              บริษัท ป๊อจโจ้ อาร์เจนติเอร่า (Poggio Argentiera) กิจการของนายจานเปาโล ปาเยีย (Gianpaolo Paglia)  ทำไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ คาปาโตสต้า (Morellino di Scansano Capatosta) เป็นตัวเอก โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์โมเรลลิโน่ (Morellino) 95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือใช้พันธุ์อลิคันเต้ (Alicante)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12-13 เดือน
              บริษัท มอริส ฟาร์ม (Moris Farms)  ทำไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ ริแซร์ว่า (Morellino di Scansano Ris.) โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์โมเรลลิโน่ (Morellino) ผสมผสานกับพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) และพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน
              บริษัท ฟัตตอเรีย ดิ มาเลียโน่ (Fattoria di Magliano) กิจการของนายอากอสติโน่ เลนชิ (Agostino Lenci)  ทำไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ เฮบ้า (Morellino di Scansano Heba) โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์โมเรลลิโน่ (Morellino) 85 เปอร์เซ็นต์ เก็บบ่มในถังคอนกรีต (concrete tank) ขนาดใหญ่ เป็นเวลา 8 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน
              ในปัจจุบันผู้ผลิตไวน์รายใหญ่เริ่มที่จะให้ความสำคัญต่อไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ซึ่งเป็นผลพวงมาจากถูกยกระดับเป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOCG) ทำให้อนาคตของไวน์ตัวนี้ดูจะสดใสเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งเราจะได้เห็นฉลากดีโอซีจี.(DOCG label) ที่คอขวดไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ตั้งแต่วินเทจ 2007  เป็นต้นไป
             
              ไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า (Monteregio di Massa Marittima)
              ไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า (Monteregio di Massa Marittima)  เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1994  แหล่งผลิตอยู่ใน 7 ชุมชน เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลมาสซ่า มาริตติม่า (Comune di Massa Marittima) ตำบลมอนเต้โรตอนโด้ มาริตติโม่(Comune di Monterotondo Marittimo)  พื้นที่บางส่วนของตำบลร๊อคค่าสตราด้า (Comune di Roccastrada) ตำบลกาวอร์ราโน่ (Comune di Gavorrano) ตำบลคาสติลิโอเน่ เดลล่า เปสเชีย (Comune di Castiglione della Pescia) ตำบลสคาร์ลิโน่ (Comune di Scarlino) และตำบลฟอลโลนิค่า (Comune di Follonica)  
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) ไวน์ขาว (Vino Bianco) ไวน์โรซาโต้ (Rosato) ไวน์วิน ซานโต้ (Vin Santo) และไวน์วิน ซานโต้ อ๊อคคิโอ ดิ แปร์นิเช่ (Vin Santo Ochhio di Pernice)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า รอซโซ่ (Monteregio di Massa Marittima Rosso) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” และไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า โรซาโต้ (Monteregio di Massa Marittima Rosato) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์
2.  ไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า เบียงโค่ (Monteregio di Massa Marittima Bianco) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์มาลวาเซีย เบียงค่า (Malvasia bianca) พันธุ์มาลวาเซีย ดิ คันเดีย (Malvasia di Candia) พันธุ์แวร์เมนติโน่ (Vermentino) พันธุ์อันโซนิก้า (Ansonica) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์
3.  ไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า วิน ซานโต้ (Monteregio di Massa Marittima Vin Santo) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) พันธุ์มาลวาเซีย เบียงค่า (Malvasia bianca) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์
4.  ไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า วิน ซานโต้ อ๊อคคิโอ ดิ แปร์นิเช่ (Monteregio di Massa Marittima Vin Santo Ochhio di Pernice)  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 50-70 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์มาลวาเซีย เบียงค่า (Malvasia bianca) 10-50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์
              ผู้ผลิตไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า (Monteregio di Massa Marittima Wine Producers)
              บริษัท แซร์ราโยล่า ไวน์ (Serraiola Wine) ผู้ผลิตรายเล็กๆ จากตำบลมอนเต้โรตอนโด้ มาริตติโม่(Comune di Monterotondo Marittimo) ทำไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า (Monteregio di Massa Marittima) ออกมาหลายฉลาก แต่ที่ดูจะโดดเด่นที่สุดจะเป็นไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า รอซโซ่ เลนติสโค่ (Monteregio di Massa Marittima Rosso Lentisco) โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 100 เปอร์เซ็นต์

              ไวน์มอนเตคุคโค่ (Montecucco) 
              ไวน์มอนเตคุคโค่ (Montecucco)  เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1998  แหล่งผลิตอยู่ใน 7 ชุมชน เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลชินิจาโน่ (Comune di Cinigiano) ตำบลชิวิเตลล่า ปากานิโค่ (Comune di Civitella Paganico) ตำบลคัมปันยาติโค่ (Comune di Campagnatico) ตำบลคาสเตล เดล เปียโน่ (Comune di Castel del Piano) ตำบลร๊อคคัลเบนย่า (Comune di Roccalbegna) ตำบลอาร์ชิดอสโค่ (Comune di Arcidosso) และตำบลเซจจาโน่ (Comune di Seggiano)
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) และไวน์ขาว (Vino Bianco)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์มอนเตคุคโค่ รอซโซ่ (Montecucco Rosso) ชนิดธรรมดา และ “Riserva”  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์
2.  ไวน์มอนเตคุคโค่ เบียงโค่ (Montecucco Bianco) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์
              ผู้ผลิตไวน์มอนเตคุคโค่ (Montecucco Wine Producers)
              บริษัท คอลเล่ มาสซาริ (Colle Massari) ผู้ผลิตจากตำบลชินิจาโน่ (Comune di Cinigiano) ของนายคลาวดิโอ ติป้า (Claudio Tipa) ที่เริ่มโครงการฟาร์มปลอดสารพิษ (Organic Farming) มาตั้งแต่ปีค.ศ.1999  ทำไวน์มอนเตคุคโค่ ซานโจเวเซ่ ลอมโบรเน่ ริแซร์ว่า (Montecucco Sangiovese Lombrone Ris.) จากองุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 100 เปอร์เซ็นต์ เก็บบ่มในถังสลาโวเนียน โอ๊ก (Slavonian oak) ขนาด 40 เฮ็คโตลิตร เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 18 เดือน 
              นอกจากนี้ยังทำไวน์มอนเตคุคโค่ รอซโซ่ คอลเล่ มาสซาริ ริแซร์ว่า (Montecucco Rosso Colle Massari Ris.) จากองุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 80 เปอร์เซ็นต์ ผสมผสานกับพันธุ์ชิลิเอโจโล่ (Ciliegiolo) และพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) อย่างละ 10 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มไวน์ในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวดเป็นเวลา 18 เดือน  ซึ่งไวน์ทั้งสองฉลากนี้จะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน
              บริษัท ซาลุสตริ (Azienda Agraria Salustri) ผู้ผลิตจากตำบลชินิจาโน่ (Comune di Cinigiano) ของตระกูลซาลุสตริ (Salustri family) ทำไวน์มอนเตคุคโค่ ซานตา มาต้า (Montecucco Santa Marta) จากองุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 100 เปอร์เซ็นต์ เก็บบ่มไวน์ในถังสลาโวเนียน โอ๊ก (Slavonian oak) ขนาดใหญ่เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวดเป็นเวลา 18 เดือน 
              และยังมีไวน์มอนเตคุคโค่ กร๊อตเต้ รอซเซ่ (Montecucco Grotte Rosse) จากองุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 100 เปอร์เซ็นต์  มีวิธีการเก็บบ่มเหมือนกันกับไวน์มอนเตคุคโค่ ซานตา มาต้า (Montecucco Santa Marta)  
             
              ไวน์คาปาลบิโอ้ (Capalbio)
              ไวน์คาปาลบิโอ้ (Capalbio) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1999  แหล่งผลิตอยู่ใน 4 ชุมชน เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลคาปาลบิโอ้ (Comune di Capalbio) ตำบลมานชาโน่ (Comune di Manciano)
ตำบลมาเยียโน่ อิน ตอสกาน่า (Comune di Magliano in Toscana) และตำบลออร์เบเตลโล่ (Comune di Orbetello)
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) ไวน์ขาว (Vino Bianco) ไวน์โรซาโต้ (Rosato) และไวน์วิน ซานโต้ (Vin Santo)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์คาปาลบิโอ้ รอซโซ่ (Capalbio Rosso) ชนิดธรรมดา และ “Riserva”  และไวน์คาปาลบิโอ้ โรซาโต้ (Capalbio Rosato) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์
2.  ไวน์คาปาลบิโอ้ เบียงโค่ (Capalbio Bianco) ชนิดธรรมดา และไวน์คาปาลบิโอ้ วิน ซานโต้ (Capalbio Vin Santo) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์
              ไวน์ปาร์ริน่า (Parrina)
              ไวน์ปาร์ริน่า (Parrina) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1993  แหล่งผลิตอยู่ในตำบลออร์เบเตลโล่ (Comune di Orbetello) เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto)
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) ไวน์ขาว (Vino Bianco) ไวน์โรซาโต้ (Rosato) และไวน์วิน ซานโต้ (Vin Santo)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)  โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.  ไวน์ปาร์ริน่า รอซโซ่ (Parrina Rosso) ชนิดธรรมดา และ “Riserva” และไวน์ปาร์ริน่า โรซาโต้ (Parrina Rosato) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต
2.  ไวน์ปาร์ริน่า เบียงโค่ (Parrina Bianco) ชนิดธรรมดา และไวน์ปาร์ริน่า วิน ซานโต้ (Parrina Vin Santo) ชนิดธรรมดา ใช้องุ่นเขียวพันธุ์อันโซนิก้า (Ansonica) 30-50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์แวร์เมนติโน่ (Vermentino) 20-40 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) 10-30 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ชาร์ดอนเน่ (Chardonnay) พันธุ์โซวินยอง บลอง (Sauvignon blanc) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto)
             
              ไวน์โซวาน่า (Sovana)  
              ไวน์โซวาน่า (Sovana)  เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1999  แหล่งผลิตอยู่ใน 3 ชุมชน เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลปิติเยียโน่ (Comune di Pitigliano) ตำบลโซราโน่ (Comune di Sorano) และพื้นที่บางส่วนของตำบลมานชาโน่ (Comune di Manciano)
              มีการผลิตทั้งไวน์แดง (Vino Rosso) และไวน์โรซาโต้ (Rosato)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)  โดยมีสาระสำคัญว่า ไวน์โซวาน่า รอซโซ่ (Sovana Rosso) ชนิดธรรมดา และ“Superiore” และไวน์โซวาน่า โรซาโต้ (Sovana Rosato) ชนิดธรรมดา และ“Superiore” ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นแดงที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์
             
              ไวน์อันโซนิก้า คอสต้า เดล ลาร์เจนตาริโอ้ (Ansonica Costa dell’Argentario)
              ไวน์อันโซนิก้า คอสต้า เดล ลาร์เจนตาริโอ้ (Ansonica Costa dell’Argentario) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1995  แหล่งผลิตอยู่ใน 5 ชุมชน เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลคาปาลบิโอ้ (Comune di Capalbio) ตำบลมานชาโน่ (Comune di Manciano) ตำบลออร์เบเตลโล่ (Comune di Orbetello) ตำบลอิโซล่า เดล จิลิโอ้ (Comune di Isola del Giglio) และตำบลมอนเต้ อาร์เจนตาริโอ้ (Comune di Monte Argentario)
              มีการผลิตเฉพาะไวน์อันโซนิก้า คอสต้า เดล ลาร์เจนตาริโอ้ เบียงโค่ (Ansonica Costa dell’Argentario Bianco) ชนิดธรรมดา ไวน์ขาวที่ใช้องุ่นเขียวพันธุ์อันโซนิก้า (Ansonica) ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)

              ไวน์เบียงโค่ ดิ ปิติเยียโน่ (Bianco di Pitigliano)
              ไวน์เบียงโค่ ดิ ปิติเยียโน่ (Bianco di Pitigliano) เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ที่ถูกกำหนดขึ้นในปีค.ศ.1990  แหล่งผลิตอยู่ใน 4 ชุมชน เขตเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ซึ่งประกอบด้วย
              ตำบลปิติเยียโน่ (Comune di Pitigliano) ตำบลโซราโน่ (Comune di Sorano) พื้นที่บางส่วนของตำบลสคันซาโน่ (Comune di Scansano) และตำบลมานชาโน่ (Comune di Manciano)
              มีการผลิตทั้งไวน์ขาว (Vino Bianco) และไวน์ขาวมีฟอง (spumante)  การผลิตไวน์จะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์การผลิตของ มิเนสเตโร่ เดลเล่ โปลิติเค่ อากริโคเล่ เอ ฟอเรสตาลิ (Ministero delle Politiche Agricole e Forestali)  โดยมีสาระสำคัญว่า ไวน์เบียงโค่ ดิ ปิติเยียโน่ (Bianco di Pitigliano) ชนิดธรรมดา และ “Superiore” และไวน์เบียงโค่ ดิ ปิติเยียโน่ สปูมานเต้ (Bianco di Pitigliano Spumante) ชนิดธรรมดา และ “Superiore”  ใช้องุ่นเขียวพันธุ์เตรบบิอาโน่ ตอสกาโน่ (Trebbiano toscano) 50-80 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์เกรโค่ เบียงโค่ (Greco bianco) พันธุ์มาลวาเซีย เบียงค่า (Malvasia bianca) พันธุ์แวร์เดลโล่ (Verdello) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ชาร์ดอนเน่ (Chardonnay) พันธุ์โซวินยอง บลอง (Sauvignon blanc) พันธุ์ปิโน เบียงโค่ (Pinot bianco) พันธุ์รีสลิ่ง อิตาลิโค่ (Riesling Italico) พันธุ์เกรเคตโต้ (Grechetto) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์  ส่วนที่เหลือใช้องุ่นเขียวที่ปลูกในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์
             
              ไวน์ซูเปอร์ทัสกัน จากเมืองกรอซเซโต้  
              ในเขตเมืองกรอซเซโต้ จะมีการผลิตไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) มากมาย ทั้งจากผู้ผลิตรายเล็กๆ และผู้ผลิตชั้นนำ  ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไวน์เกรดตอสกาน่า ไอจีที.(Toscana IGT)
              ไวน์อัฟโวลตอเร่ (Avvoltore)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท มอริส ฟาร์ม (Moris Farms) ผู้ผลิตจากตำบลมาสซ่า มาริตติม่า (Comune di Massa Marittima)
              ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 75 เปอร์เซ็นต์ ผสมกับพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 20 เปอร์เซ็นต์ และแต่งเติมด้วยพันธุ์ซีร่าห์ (Syrah) 5 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนในทุกๆ วินเทจ  องุ่นแต่ละชนิดจะเก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน หลังจากนั้นจะนำมาเบลนด์เข้าด้วยกันอีก 12 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน  
             
              ไวน์อัมเปเลย่า (Ampeleia) และ ไวน์เคโปส (Kepos)  
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จากบริษัท อัมเปเลย่า (Ampeleia) ผู้ผลิตไวน์รายเล็กๆ ครอบครองพื้นที่ 50 เฮ็คต้าร์ ในตำบลร๊อคค่าสตราด้า (Comune di Roccastrada)  ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.2002  เกิดจากการร่วมลงทุนระหว่างนางเอลิซาเบ๊ตต้า โฟราโดริ (Elizabetta Foradori) นายโทมัส วิดมานน์ (Thomas Widmann) และนายโจวานนิ โปดินิ (Giovanni Podini)               
              ไวน์อัมเปเลย่า  ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2004  ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นองุ่นแดง 5 พันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดจากถิ่นเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Origin) คือ พันธุ์เกรอนาช (Grenache) พันธุ์คารินยาโน่ (Carignano) พันธุ์มูร์แวด (Mourvedre) พันธุ์อลิคันเต้ (Alicante) และพันธุ์มาร์เซลลาเน่ (Marsellane)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 16 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน
              ไวน์เคโปส  ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2006  ใช้องุ่นแดง 5 พันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดจากถิ่นเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Origin) เช่นเดียวกันกับไวน์อัมเปเลย่า (Ampeleia) เก็บบ่มในถังคอนกรีต (concrete tank) ขนาดใหญ่ เป็นเวลา 12 เดือน จากนั้นจะถ่ายออกเก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 2 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 2 เดือน  

              ไวน์ซาฟเฟรดิ (Saffredi)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท เล ปูปิเล่ (Fattoria Le Pupile) เมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ที่คว้ารางวัลจากทั่วสารทิศ              
              ผู้ผลิตรายนี้ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1972  โดยนางเอลิซาเบ๊ตต้า เก๊ปเปตติ (Elisabetta Geppetti) โดยที่ในช่วงเวลานั้นมีพื้นที่เพียง 2 เฮ็คต้าร์ สำหรับปลูกองุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) เพื่อผลิตไวน์แดงออกสู่ตลาดในปริมาณที่ไม่มากนัก 
              แต่หลังจากที่ไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ถูกกำหนดให้เป็นไวน์เกรดดีโอซี.(DOC) ในปีค.ศ.1978  ทำให้ผู้ผลิตไวน์ในเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) มีความกระตือรือล้นในการผลิตไวน์ และในปีเดียวกันนั้นเองผู้ผลิตรายนี้ก็เริ่มผลิตไวน์โมเรลลิโน ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano) ออกสู่ตลาดและขยายพื้นที่สำหรับการปลูกองุ่น  ในปัจจุบันครอบครองพื้นที่รวม 50 เฮ็คต้าร์
              ในปีค.ศ.1982 นายจาโคโม่ ทาคิส (Giacomo Tachis) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านการผลิตไวน์ ทำให้นางเอลิซาเบ๊ตต้า เก๊ปเปตติ (Elisabetta Geppetti) ตัดสินใจทำไวน์ระดับคลาสสิค โดยมีเป้าหมายสู่ตลาดโลก     
              ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 1987  ใช้องุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์แมร์โล (Merlot) 35 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์อลิคันเต้ (Alicante) 15 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวดเป็นเวลานานถึง 24 เดือน    
             
              ไวน์ป๊อจโจ้ เบสติอัลเล่ (Poggio Bestiale)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท ฟัตตอเรีย ดิ มาเยียโน่ (Fattoria di Magliano) แห่งตำบลมาเยียโน่ อิน ตอสกาน่า (Comune di Magliano in Toscana) กิจการของนายอากอสติโน่ เลนชิ (Agostino Lenci) ที่เน้นการทำไวน์โมเรลลิโน่ ดิ สคันซาโน่ (Morellino di Scansano)
              ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2001  ใช้องุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) และพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc)  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน    

              ไวน์ซาน ลอเรนโซ่ (San Lorenzo)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท ซาสโซ่ตอนโด้ (Sassotondo) ของนายเอโดอาร์โด เวนติมิเยีย (Edoardo Ventimiglia) ผู้ผลิตจากหมู่บ้านโซวาน่า (Sovana) ตำบลโซราโน่ (Comune di Sorano) ชุมชนเล็กๆ เกือบสุดเขตแดนด้านทิศตะวันออกของเมืองกรอซเซโต้ (Grosseto) ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1990
              ใช้องุ่นแดงพันธุ์ชิลิเอโจโล่ (Ciliegiolo) 100 เปอร์เซ็นต์ จากต้นองุ่นเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 24 เดือน และเก็บบ่มในขวด 12 เดือน    

              ไวน์คัมโป มอนเตคริสโต (Campo Montecristo)
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท แซร์ราโยล่า (Azienda Agricola Serraiola) ของนางฟิโอเรลล่า เลนซิ (Fiorella Lenzi) ผู้ผลิตจากตำบลมอนเตโรตอนโด้ มาริตติโม่ (Comune di Monterotondo Marittimo)  ที่เริ่มดำเนินงานเมื่อปีค.ศ.1968  โดยทำไวน์มอนเตเรโจ้ ดิ มาสซ่า มาริตติม่า (Monteregio di Massa Marittima) เป็นหลัก
              ใช้องุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) 100 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน และเก็บบ่มในขวด 6 เดือน    

              ไวน์โดรมุส (Dromus) และไวน์โดรมุส ลัลโตร้ (Dromus L’Altro)   
              เป็นไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท ป๊อจโจ้ แวร์ราโน่ (Tenuta Poggio Verrano) ของนายฟรานเชสโก้ บอลล่า (Francesco Bolla) ผู้ผลิตจากตำบลมาเยียโน่ อิน ตอสกาน่า (Comune di Magliano in Toscana) ที่ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.2000 
              ไวน์โดรมุส ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2003  โดยผ่านการเจียรนัยจากด๊อกเตอร์คาร์โล แฟร์รินิ (Dr.Carlo Ferrini)  มีส่วนผสมหลักจากองุ่นแดงพันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) พันธุ์แมร์โล (Merlot) และพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) แต่งเติมด้วยพันธุ์อลิคันเต้ (Alicante) และพันธุ์คาเบอร์เน่ ฟรอง (Cabernet franc) เพียงเล็กน้อย  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 18 เดือน และเก็บบ่มในขวดอย่างยาวนานถึง 24 เดือน    
              ไวน์โดรมุส ลัลโตร้  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 100 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน และเก็บบ่มในขวด 18 เดือน          
             
              ไวน์ร๊อคค่า ดิ ฟราสสิเนลโล่ (Rocca di Frassinello) ไวน์ซูเกเร่ ดิ ฟราสสิเนลโล่ (Sughere di Frassinello) และไวน์ป๊อจโจ้ อัลล่า การ์เดีย (Poggio alla Guardia)
              เป็นกลุ่มไวน์ซูเปอร์ทัสกัน (SuperTuscans) จาก บริษัท ร๊อคค่า ดิ ฟราสสิเนลโล่ (Rocca di Frassinello) ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายเปาโล ปาเนราอิ (Paolo Panerai) แห่งบริษัท คาสเตลลาเร่ ดิ คาสเตลลิน่า (Castellare di Castellina) ผู้ผลิตจากตำบลคาสเตลลิน่า อิน เคียนติ (Comune di Castellina in Chianti) และบารอน เอริค เดอ ร๊อทไชลด์ (Baron Eric de Rothschild) แห่งบริษัท ชาโต ลาฟีต-ร๊อทไชลด์ (Chateau Lafite-Rothschild) จากประเทศฝรั่งเศส
              ไวน์ร๊อคค่า ดิ ฟราสสิเนลโล่ ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2004  ใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือใช้พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) และพันธุ์แมร์โล (Merlot) อย่างละ 20 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 14 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 12 เดือน 
              ไวน์ซูเกเร่ ดิ ฟราสสิเนลโล่ ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2004  มีความแตกต่างจาก ไวน์ร๊อคค่า ดิ ฟราสสิเนลโล่ เล็กน้อย โดยใช้องุ่นแดงพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) และพันธุ์แมร์โล (Merlot) อย่างละ 25 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังบาร์ริค (barrique) เป็นเวลา 12 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 9 เดือน
              ไวน์ป๊อจโจ้ อัลล่า การ์เดีย  ผลิตครั้งแรกจากวินเทจ 2004  ใช้องุ่นแดงพันธุ์แมร์โล (Merlot) 45 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์คาเบอร์เน่ โซวินยอง (Cabernet sauvignon) 40 เปอร์เซ็นต์ และพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 15 เปอร์เซ็นต์  เก็บบ่มในถังเหล็กไร้สนิม (stainless steel tank) เป็นเวลา 4 เดือน และเก็บบ่มในขวดอีก 4 เดือน  เป็นไวน์ที่มีความแตกต่างจากไวน์ในค่ายเดียวกันอย่างสิ้นเชิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น